ประเทศไทยเหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 เดือน ในการเจรจากับสหรัฐ เพื่อหาข้อสรุปการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ได้ออกมาประเมินผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม เพื่อเป็นแนวทางการรับมือผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม
นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า จากการที่สหรัฐประกาศมาตรการทางภาษีตอบโต้การนำเข้าสินค้าเมื่อเดือน เม.ย.2568 ไทยถูกจัดเก็บ 36% แม้ว่าสหรัฐเลื่อนขึ้นภาษีตอบโต้ออกไป 90 วัน เพื่อให้เจรจาจึงคาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางการกำหนดนโยบายการค้าของไทยจะชัดเจนหลังจากช่วงเดือน ก.ค.2568 โดยมองว่าสหรัฐจะขึ้นภาษีนำเข้าไทย 10-20%
เบื้องต้นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประมาณการว่าผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐอาจทำให้ GDP ปี 2568 ขยายตัวน้อยกว่า 2.5% โดยอุตสาหกรรมไทยจะได้รับผลกระทบเนื่องจากภาคการลงทุนและการส่งออกชะลอตัว
นอกจากนี้ อาจต้องเผชิญการแข่งขันกับประเทศอื่นที่ส่งออกไปสหรัฐได้น้อยลงเช่นเดียวกับไทย และหันมาส่งออกไปตลาดเดียวกับไทย ทำให้สินค้าราคาถูกเข้ามายังไทยเพิ่มขึ้น รวมทั้งปัญหาเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมไทย ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ระดับสูง
ทั้งนี้ เบื้องต้นเดือน ก.พ.2568 สศอ.คาดว่า GDP ภาคอุตสาหกรรมจะขยายตัว 1.5-2.5% แต่จากผลกระทบมาตรการภาษีสหรัฐคาดว่าการขยายตัวภาคอุตสาหกรรมจะลดลงจากเดิม สศอ.จะปรับประมาณการ GDP อีกครั้งในเดือน พ.ค.2568
นายภาสกร กล่าวว่า ปัจจัยและตัวแปรสำคัญที่ใช้ในการคาดการณ์ MPI คือ 1.มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมของไทย 2.ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม 3.ดัชนีต้นทุนแรงงานต่อหนึ่งหน่วยการผลิต 4.ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน 5.ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ 3 เดือนข้างหน้า